วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การขับขี่ยานพาหนะ นักเรียนจะมีวิธีการลดอุบัติเหตุในการขับขี่ยานพาหนะอย่างไร

                                                                                                                                                 
           เนื่องจากในยุคปัจจุบันการขับขี่ยานพาหนะถือได้ว่าเป็นกิจวัตรประจำวันอีกประการหนึ่งของมนุษย์ไปแล้ว ทั้งนี้หากผู้ขับขี่ไม่ทราบถึงวิธีปฎิบัติและกฎจราจรในการขับขี่ก็จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุนี้อาจจะส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตของผู้ขับขี่หรือผู้อื่นได้ ผู้ขับขี่จึงควรหันมารู้จักถึงวิธีขับขี่ยานพาหนะให้ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎจราจรเพื่อเป็นแนวทางปฎิบัติเดียวกันรวมถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้

การขับขี่รถให้ปลอดภัย
ในการขับรถผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่กรณีต่อไปนี้ที่ผู้ขับขี่สามารถขับล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถหรือขับเข้าไปในทางเดินรถด้านขวาได้
1.ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง หรือถูกปิดการจราจร
2.ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
3.ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 6 เมตร

กรณีห้ามผู้ขับขี่ขับรถ  ห้ามผู้ขับขี่ขับรถในกรณี
1. ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ เช่น ภายหลังจากรับประทานยาแก้ไข้หวัด ในขณะง่วงนอน
2. ในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
3. ในลักษณะกีดขวางการจราจร
4. โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
5. ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาหรือไม่อาจและเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย
6 .คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องรถ เว้นแต่เมื่อต้องการเปลี่ยนช่องเดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ
7. บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารก คนป่วย หรือคนพิการ
8. โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
9. ในขณะที่เสพ หรือรับเข้าร่างกาย ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทกลุ่มแอมเฟตามีน(ยาบ้า) หรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทอย่างอื่น
10. ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ
11. ขับรถบนไหล่ทาง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร
12. ใช้ไฟฉุกเฉินขณะขับรถตรงไปเพื่อผ่านทางร่วมทางแยก
13. ขับรถแข่ง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร

ข้อห้ามของผู้ขับขี่รถ
1. ห้ามอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ขับรถของตน
2. ห้ามใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถที่จัดทำขึ้นเอง
3. ห้ามให้ผู้อื่นใช้ใบอนุญาตขับรถของตน
4. ห้ามใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

การทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า
     ต้องทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้เหมาะสมกับความเร็วที่ใช้เราสามารถพิจารณาอย่างง่าย ๆ
ได้โดยขับรถของเราด้วยความเร็วที่คงที่เท่ากับรถคันหน้า เมื่อคันหน้าผ่านจุดหนึ่ง เช่น หลักกิโลเมตรริมถนนรถของเราจะต้องผ่านจุดเดียวกันนั้นในเวลาไม่ต่ำกว่า 2 วินาที (โดยนับหนึ่งพันหนึ่ง เมื่อรถคันหน้าผ่านจุดเดียวกันนั้นและเมื่อเรานับหนึ่งพันสองรถเราจะผ่านจุดนั้นพอดี) หากต่ำกว่านั้นแสดงว่าเราทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าน้อยเกินไป จะทำให้เบรกไม่ทัน เมื่อรถคันหน้าหยุดรถทันทีทันใด

ระยะเบรกที่ปลอดภัย
1. ที่ความเร็ว 20 กม./ชม. ระยะเบรกต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 7 เมตร
2. ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. ระยะเบรกต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 18 เมตร
3. ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ระยะเบรกต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 34 เมตร
4. ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ระยะเบรกต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 54 เมตร
5. ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเบรกต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 80 เมตร

การขับรถผ่านทางร่วมทางแยก
                การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่เป็นทางเอกตัดกัน และไม่ปรากฏสัญญาณ หรือเครื่องหมายจราจรผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
1.ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถในทางร่วมทางแยกนั้นขับผ่านไปก่อน
2.ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยกผู้ขับขี่ต้องหยุดรถให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของคนขับผ่านไปก่อน

ขับขี่พบรถฉุกเฉิน
                เมื่อขับขี่พบรถฉุกเฉินจะต้องปฏิบัติ
1.หยุดรถ หรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย แต้ถ้ามีช่องทางเดินรถประจำรถทางให้หยุดชิดกับช่องทางเดินรถประจำทาง แต่ห้ามหยุดหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก
2.ขับรถตามหลังรถฉุกเฉินได้ในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร
การใช้ความเร็วตามกฎหมาย
-รถยนต์นั่งในเขต กทม. เขตเมือง เขตเทศบาล ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.นอกเขตไม่เกิน 90 กม./ชม.
-รถกระบะน้ำหนักรวมบรรทุกเกิน 1,200 กก. ในเขตกทม. เขตเมือง เขตเทศบาลความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.นอกเขตไม่เกิน 80 กม./ชม.

การแซง
1. เป็นกฎตายตัวว่าจะต้องแซงขึ้นทางขวาเสมอ
2. เมื่อแซงผ่านขึ้นมาแล้ว ให้ขับรถเป็นแนวตรงทิ้งระยะห่างจากคันที่ถูกแซงพอสมควร เพื่อให้รถที่
ถูกแซงมีเวลาตั้งตัว
3. อย่ากลับเข้าเลนซ้ายในลักษณะเลี้ยวตัดหน้ารถที่ถูกแซงอย่างกระชั้นชิด รักษาอารมณ์อย่าให้
ฉุนเฉียวกับผู้ที่ขับรถคันอื่นที่อยู่รอบข้าง
4. อย่าเร่งเครื่องแข่งกับรถคันที่กำลังแซงอยู่ ปล่อยให้รถที่แซงผ่านไปโดยสะดวกและปลอดภัย
5. ถ้าท่านถูกรถคันอื่นแซง จงขับรถให้ช้าลงหรือเปิดโอกาสให้เขาแซงโดยสะดวก
6. เมื่อได้รับสัญญาณแซงขึ้นหน้าจากรถคันหลังผู้ที่ขับขี่ที่มีความเร็วช้าหรือใช้ความเร็วต่ำกว่ารถคันอื่นที่ขับไป ในทิศทางเดียวกัน ต้องยอมให้รถคันที่ใช้ความเร็วสูงกว่าผ่านขึ้นหน้าและผู้ที่ขับขี่ที่ถูกขอทางต้องปฏิดังนี้ให้สัญญาณเลี้ยวซ้ายตอบ (เปิดไฟเลี้ยวซ้ายหรือให้สัญญาณด้วยมือและแขน)ลดความเร็วขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถเพื่อให้รถที่แซงผ่านขึ้นหน้าโดยปลอดภัย


กรณีใดแซงซ้ายได้
1.รถที่ถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
2. ทางเดินรถนั้นได้จัดแบ่งเป็นช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันใช้ตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป
ห้ามแซงกรณีใดบ้างเมื่อ รถกำลังขึ้นทางชันขึ้นสะพานหรืออยู่ในทางโค้ง เว้นแต่จะมีเครื่องหมาย
จราจรให้แซงได้
3. ภายในระยะ 30 เมตร ก่อนถึงทางข้ามทางร่วม ทางแยก วงเวียนหรือเกาะที่สร้างไว้
หรือทางเดินรถที่ตัดข้ามทางรถไห
4. เมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่น หรือควัน จนทำให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ 60 เมตร เมื่อเข้าที่
คับคัน หรือเขตปลอดภัย
                                                                                
การขึ้นทางลาดชันหรือเนินเขา
การขึ้นที่สูงชันต้องใช้เกียร์ที่เหมาะสมโดยรักษาให้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2,000–
3,000 รอบต่อนาที ซึ่งรอบช่วงนี้จะให้กำลังฉุดลากดีที่สุด การใช้รอบเครื่องยนต์สูง ๆ กำลังการ
ไต่ทางชันจะไม่ดีสิ้นเปลืองน้ำมัน และเครื่องยนต์สึกหรอโดยไม่จำเป็น

การลงทางลาดชันหรือเนินเขา
-ห้ามดับเครื่องยนต์ ปลดเกียร์ว่างหรือเหยียบคลัตช์ค้างไว้ระหว่างการลงเขาอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำ
ให้รถเสีย การทรงตัวจนกระทั่งควบคุมรถไม่ได้ ต้องใช้เกียร์ต่ำกว่าปกติ เพื่อหน่วงความเร็วของรถไว้และใช้เบรกลดความเร็วเป็นระยะ ๆ การใช้เบรกลดความเร็วอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ผ้าเบรกไหม้ได้

การขับรถบนทางโค้ง
เพื่อรักษาการทรงตัวของรถให้ลดความเร็วก่อนที่จะเข้าโค้งและเริ่มเร่งความเร็วตั้งแต่ถึง
ทางโค้งเป็นต้นไป จนกระทั่งออกพ้นจากโค้ง ขณะอยู่ในโค้ง ไม่ควรใช้เบรกอย่างรุนแรง เพราะจะเกิดอาการฝืนโค้งห้ามปล่อยเกียร์ว่าง หรือเหยียบคลัตช์ ระหว่างการเข้าโค้งเพราะรถจะเกิดแรงเหนี่ยวให้หลุดออกจากโค้ง

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ปัจจัยด้านคน
1. การดื่มของมึนเมาหรือการใช้สารเสพติด คือผู้ขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมาจากการดื่มของมึนเมาประเภทต่าง ๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ขับขี่ที่ปฏิบัติตามกฎจราจร เนื่องจากผู้ขับ อาจจะบังคับรถไปในทิศทางหรือตำแหน่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
2. พฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน และการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร คือ ผู้ขับขี่ยานพาหนะมีพฤติกรรม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรเกี่ยวกับสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร กฎจราจรและการใช้สัญญาณไฟของยานพาหนะ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ขับขี่ที่ปฏิบัติตามกฎจราจรเนื่องจากผู้ขับขี่อาจจะบังคับรถไปในทิศทางหรือตำแหน่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
3. สภาวะทางกาย คือผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะขณะร่างกายขาดความพร้อมในการควบคุมรถ เนื่องจากร่างกาย
อ่อนเพลียจากการขับรถเป็นเวลานาน และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ขับขี่มีโอกาสหลับใน

                                                                                                

ปัจจัยด้านยานพาหนะ
1. อุปกรณ์พื้นฐานในการเดินรถ คือ ความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ยานพาหนะที่พร้อมใช้งานได้อย่าเหมาะสม
2. อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย คือ อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันหรือลดความรุนแรงในขณะเกิดอุบัติเหตุลงเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ในยานพาหนะนั้น
3. การปรับแต่งสภาพยานพาหนะ คือ ยานพาหนะที่มีการดัดแปลงและใช้งานผิดประเภทส่งผลให้เกิดการลดลงของมาตรฐานความปลอดภัยของยานพาหนะ อันอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
4. การบรรทุกที่ไม่ปลอดภัย คือ ยานพาหนะมีการบรรทุกน้ำหนักมากเกิน บรรทุกสูงเกินบรรทุกยื่นเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
                                                                                                   

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
                อุปสรรคทางธรรมชาติ คือ สิ่งที่บั่นทอนความสามารถในการขับขี่ให้ลดลง ที่มีผลมาจากอุปสรรคทางธรรมชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ทัศวินัยผู้ขับขี่ลดลงทั้งสิ้นและอาจส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สิ่งกีดขวางบนช่องทางจราจร คือ วัตถุหรือสิ่งอื่นใดที่ร่วงหล่นบนผิวจราจร หรืออยู่ใตำแหน่งกีดขวางทางจราจร อันส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
                                                                             
ปัจจัยด้านถนน
1. อุปกรณ์ควบคุมการจราจร คือ เครื่องหมายจราจร ป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจรมีสภาพสมบูรณ์และมีการติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่ มองเห็นได้ชัดเจนหรือไม่
2. อุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยข้างทาง คือ อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อป้องกันมิให้รถที่เกิดอุบัติเหตุวิ่งออกนอกถนน โดยทั่วไปจะติดตั้งไว้บริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงอันตราย
3. ไฟฟ้าส่องสว่าง คือ ไฟฟ้าให้แสงสว่างแก่ผู้ขับขี่ในเวลากลางคืน โดยพิจารณาว่าความสว่างบนถนนในบริเวณนั้นเพียงพอสำหรับการมองเห็นคนหรือสัตว์เดินข้ามถนนหรือไม่
4. สภาพผิวถนน คือ ความสมบูรณ์ของถนนมีความเหมาะสมกับการใช้งานหรือมีข้อบกพร่อง
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้




สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด (เรียงตามลำดับ)
1. เมาสุรา
2. ขับรถเร็วเกินกำหนด
3. ตัดหน้ากระชั้นชิด
4. รถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย (ดัดแปลงรถ)
5. ไม่มีใบขับขี่
6. ทัศนวิสัยไม่ดี

                ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางรอบข้าง  ทั้งนี้เราจึงต้องปฎิบัติตามกฎจราจรและหลักในการขับขี่รถที่ถูกต้อง เพื่อจะได้เป็นวิธีปฎิบัติซึ่งเป็นที่เข้าใจร่วมกันในการขับขี่ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราของการเกิดอุบัติเหตุลดน้อยลง

35 ความคิดเห็น:

  1. ทั้งเนื้อหาทั้งภาพและคลิปประกอบ เจ๋งมากค่ะ แต่ดูโหดไปนะ 555

    ตอบลบ
  2. รูปแรกน่ากลัวไปนะค๊ะ !! ^^

    ตอบลบ
  3. มีประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  4. เนื้อหาและสื่อต่างๆในบทความดีมาก แต่เสียอย่างเดียวรูปแรกที่อยู่ข้างบนสุดอะ น่ากลัวไปหน่อย

    ตอบลบ
  5. ขอบคุฯสำหรับคอมเม้นครับ ที่รูปแรกน่ากลัวเพราะอยากจะไห้ผู้คนตระหนักถึงความปลอดภัยของชีวิต

    ตอบลบ
  6. สุดยอด..เนื้อหาดีมาก
    รูปก้สวย ศิลป์ สุดๆ

    ตอบลบ
  7. ผ่านเนื้อหาดีครบถ้วนสมบูรณ์ดีมาก

    ตอบลบ
  8. เนื้อหาดีค้ะ รูปหลอนดีกานเง๊อ ฮ่าา ๆ

    ตอบลบ
  9. ดีกว่านี้ไม่มีแล้วคับบบ

    ตอบลบ
  10. ยังไม่น่าสนใจ รูปบนเอาออกด้วย

    ตอบลบ
  11. ภาพหลอนอะ แต่ก็เข้าใจนะ

    ตอบลบ
  12. ได้ความรู้เยอะเลยยย

    ตอบลบ
  13. การขับขี่ยานพาหนะเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาทค้ะ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีดีค้ะ

    ตอบลบ
  14. เป็นสิ่งที่น่าสนใจ

    ตอบลบ
  15. มีประโยชน์มากมายครับ

    ตอบลบ
  16. เนื้อหาดดีรูปสื่อความหมายตรงประเด็นเป็นประโยชน์มาก

    ตอบลบ
  17. สื่อเยอะดัี มีประโยชมากเลย

    ตอบลบ
  18. เป็นประโยชมาก เห็นเเล้วไม่กล้าขับรถประมาทเลย

    ตอบลบ
  19. ใช้ได้เลยทีเดียว ! เก่งมาก

    ตอบลบ
  20. ช่างเป็นอะไรที่พระเจ้า สร้างสรร ไว้
    มันเป็นอะไรที่พุดยาก
    ต้องให้เธอแก้

    ตอบลบ